|
มะเร็งช่องปาก
มะเร็งในช่องปากเป็นได้ตั้งแต่ริมฝีปาก ลิ้น กระพุ้งแก้ม กระดูกขากรรไกร เหงือก พื้นปาก เพดานแข็ง และส่วนบนของลำคอ
มะเร็งในช่องปากมักพบในคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และพบน้อยลงหลังจากอายุ 60 ปีไปแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ประชากรผู้สูงอายุมีมากขึ้นอาจจะพบมะเร็งในช่องปากในผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นได้ และมักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง อาจจะเป็นเพราะผู้ชายมีปัจจัยเสี่ยงมากกว่า
ปัจจัยเสี่ยง
1. 90%
ของผู้ป่วยมะเร็งในช่องปากเป็นผู้ที่สูบบุหรี่
ดื่มสุรา ผู้ที่สูบบุหรี่
และดื่มสุรา จะมีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
และดื่มสุรา
15 เท่า
รวมทั้งการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ร้อนจัดเกินไป
เพราะความร้อนที่มาจากอาหาร
ควันบุหรี่ และแอลกอฮอล์
จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปาก
เมื่อถูกระคายเคืองอยู่เป็นประจำ
ทำให้เนื้อเยื่อเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
และอาจทำให้กลายเป็นเซลล์มะเร็งได้
เนื้อเยื่อที่มักมีผลกระทบจาก
ความร้อน
คือบริเวณกระพุ้งแก้ม
เพดาน
และลำคอ ผู้ที่สูบบุหรี่จัดมักเป็นมะเร็งบริเวณกระพุ้งแก้ม
หรือเพดาน ส่วนผู้ที่รับประทานอาหารร้อนจัด
และดื่มสุราจะมีโอกาสเป็นมะเร็งในช่องปากมากกว่าคนทั่วไป
2 เท่า แต่ถ้าเป็นผู้หญิงจะมีโอกาสเป็นมะเร็งในช่องปากได้สูงกว่าผู้ชายที่มีพฤติกรรมเดียวกันถึง 3 เท่า
ความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งจะเพิ่มตามจำนวนบุหรี่ที่สูบต่อวัน
และจำนวนปีที่สูบ
การดื่มสุราก็เช่นกันขึ้นกับปริมาณที่ดื่ม
ยิ่งดื่มมากโอกาสเสี่ยงก็มีมากขึ้น
คนที่สูบบุหรี่
ซิการ์ หรือไปป์
และคาบบุหรี่หรือไปป์ตลอดเวลา
ความร้อนที่เกิดอาจทำให้เกิดมะเร็งที่ริมฝีปากได้
การสูบบุหรี่
และดื่มสุราเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งช่องปากมากที่สุด
ถ้าท่านเลิกสูบบุหรี่
ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งช่องปากจะลดลงอย่างรวดเร็ว
และภายหลังเลิกแล้ว
10 ปี ความเสี่ยงจะเหมือนผู้ที่ไม่เคยสูบุหรี่มาก่อน
2. หมากพลู
มีสารก่อมะเร็ง
ผู้ที่กินหมาก
และอมหมากไว้ที่กระพุ้งแก้มเป็นประจำ
ปูนที่ใช้ทานกับหมากจะกัดเนื้อเยื่อในช่องปาก
และเกิดการระคายเคืองจากความแข็งของหมากที่เคี้ยว
ก็อาจทำให้เซลล์ของเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มเกิดการเปลี่ยนแปลงได้
การระคายเคืองจากฟันที่แหลมคมผู้ที่ที่มีฟันแตก
ฟันบิ่น
ขอบฟันที่คม
จะบาดเนื้อเยื่อในช่องปาก
โดยเฉพาะกระพุ้งแก้มและลิ้น
ทำให้เป็นแผลเรื้อรังอยู่นาน
ๆ
แผลนั้นอาจกลายเป็นมะเร็งได้
โดยเฉพาะผู้ที่สุขภาพในช่องปากไม่ดี
แปรงฟันไม่สะอาด
มีหินปูน
และคราบฟัน
จะมีส่วนทำให้แผลกลายได้ง่ายขึ้น
3. แสงแดดทำให้เกิดมะเร็งที่บริเวณริมฝีปาก
4. การละเลยต่อสุขภาพในช่องปาก
ดังนั้นจึงควรตรวจเช็กสุขภาพช่องปากเป็นประจำปีละ 2 ครั้ง ทั้งนี้เพื่อสุขภาพของเนื้อเยื่อ และตรวจเช็กฟัน ถ้ามีความผิดปกติจะได้รักษาเสียแต่เนิ่นๆ
อย่างไรก็ตาม การป้องกันไม่ให้เกิดโรคเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ท่านได้ทราบปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคแล้ว ควรเลิกสิ่งที่เป็นความเสี่ยงนั้น อาหารเพื่อสุขภาพสามารถป้องกันโรคมะเร็งช่องปากได้ ผลไม้สดจะช่วยลดความเสี่ยงได้โดยเฉพาะวิตามิน A C และ E จึงควรรับประทานผลไม้สด และผักใบเขียวมากๆ และหมั่นตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำทุก 6 เดือน ท่านก็จะมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งช่องปากน้อยลง
สิ่งผิดปกติที่ควรปรึกษาแพทย์
1.
มีตุ่ม
หรือก้อนเกิดขึ้นบริเวณใต้คาง
คอ
และบวมโตขึ้น
2.
มีการอักเสบเรื้อรังในช่องปาก
ไม่หายภายใน
3 สัปดาห์
3.
มีฝ้าขาวลักษณะเป็นรอยนูนในช่องปาก
4.
มีแผลบนเหงือก
และฟันโยก
อาจมีฟันผุร่วมด้วย
หรือไม่มีก็ได้
5.
มีแผลที่ลิ้นเรื้อรังไม่หายเจ็บ
ควรปรึกษาแพทย์
การป้องกัน
1.
ควรแปรงฟันให้ถูกวิธีอย่างน้อยวันละ
2 ครั้ง
ครั้งละ 3 - 5
นาที
2.
ควรบ้วนปากหลังรับประทานอาหารทันที
และทุกครั้ง
3.
ควรล้างฟันปลอมชนิดถอดได้หลังรับประทานอาหารทุกครั้ง
โดยเฉพาะบริเวณตะขอ
และควรถอดออกเวลากลางคืน
4.
ควรรับประทานอาหารเนื้อหยาบ
เพื่อช่วยในการทำความสะอาดฟันด้วย
ได้แก่
ผัก และผลไม้
เช่น ก้าน ผัก
ฝรั่ง
มันแกว ฯลฯ
5. ควรใช้ฟันทุกซี่เคี่ยวอาหาร
ไม่ควรถนัดเคี้ยวข้างเดียว
เพื่อให้เหงือกและฟันแข็งแรง
6.
ควรไปพบทันตแพทย์ทุก
6 เดือน
เพื่อตรวจหาสิ่งผิดปกติ
ถึงแม้จะไม่มีอาการเจ็บปวดก็ตาม
7. ควรงดสิ่งเสพติด
ได้แก่
เหล้า
บุหรี่
ยาฉุน
และหมากพลู
8. ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
9.
ควรใช้ยาตามทันตแพทย์
และแพทย์สั่งเพื่อผลการรักษาที่ดี
และป้องกันการดื้อยา
อาการ
1.
เริ่มด้วยมีแผลในช่องปากรักษาไม่หายเป็นเวลานานเกิน
3
สัปดาห์ขึ้นไป
และไม่เจ็บปวด
2. มีฝ้าขาวในช่องปาก
ร่วมกับตุ่มนูนบนเยื่อบุช่องปาก
และลิ้น
3.
มีก้อนไม่รู้สึกเจ็บในช่องปาก
โตเร็ว และในที่สุดแตกออกเป็นแผล
4.
ต่อมามีก้อนที่คอเกิดขึ้น
กดไม่เจ็บ บวมโตขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งแตกออกเป็นแผล
การวินิจฉัย
การตรวจวินิจฉัยมีหลายวิธี
แต่ที่แน่นอนคือ
การตัดชิ้นเนื้อไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์
การรักษา
ประเมินขั้นความรุนแรงของโรคโดยการตรวจเลือด,
ปัสสาวะ, เอ็กซเรย์
ฯลฯ
การรักษาโดยใช้การผ่าตัด,
การฉายแสง, การให้เคมีบำบัดขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค
หากท่านสงสัยมีอาการดังกล่าวควรรีบปรึกษาแพทย์การรักษามะเร็งในระยะเริ่มแรกได้ผลดี
/ มะเร็งในระบบประสาท / มะเร็งของกระดูก / มะเร็งช่องปาก / มะเร็งกล่องเสียง /
/ มะเร็งต่อมธัยรอยด์ / มะเร็งต่อมน้ำเหลือง / มะเร็งตับ / มะเร็งตับอ่อน / มะเร็งปากมดลูก /
/ มะเร็งมดลูก / มะเร็งรังไข่ / มะเร็งเต้านม / มะเร็งปอด / มะเร็งผิวหนัง /
/ มะเร็งต่อมลูกหมาก / มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก / มะเร็งเม็ดเลือดขาว /